วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2551

สาวน้อยกับโบแสนหวาน

น้องพิงค์เคยผูกโบอันนี้ และแม่ก็ถ่ายรูปเก็บไว้ด้วย คราวนั้น โบหลวมโพรกเลย ป้าอ๋อยต้องจับไว้ไม่งั้นมันอาจจะหล่นไปกองที่คอได้ แต่ตอนนี้ใส่ได้พอดีเลย

กิ๊บติดผมของแม่ น้องพิงค์ยืมมาติดผมเพราะตอนนี้ผมข้างหน้าเริ่มยาวแล้ว ถ้าป้าอ๋อยไม่เล็มออกไปบ้าง มันคงจะยาวกว่านี้อีกเยอะเลย

หลากหลายสไตล์พิ้งกี้

วิธีที่จะทำให้สองคนแม่ลูกมีภาพถ่ายคู่กันสวย ๆ ก็คือใช้กล้องจากมือถือของแม่ และแม่จะเป็นคนถ่ายเอง กะ ๆ เอา บางภาพก็สวย บางภาพก็ไม่ได้เรื่อง และบางครั้งแม่ก็ให้ป้าอ๋อย ตากล้องฝีมือสมัครเล่นเป็นคนถ่ายให้ แต่ส่วนใหญ่ภาพเหล่านั้นมักไม่ค่อยได้ขึ้นโชว์ในเว็บสักเท่าไหร่ เพราะว่า บางภาพหัวมีแค่ครึ่งเดียว หรือไม่น้องพิงค์กับแม่ก็ตกขอบ อิอิ...

น้องพิงค์หน้าเหมือนใครคะ? เหมือนพ่อหรือแม่ บางคนบอกว่าน้องพิงค์เหมือนพ่อ โดยเฉพาะผิว แต่ก็มีบ้างที่บอกว่าตาเหมือนแม่ ยายกับป้าอ๋อยบอกว่าตอนนี้อาจจะยังดูไม่ออก ไว้ต้องรอดูตอนโตกว่านี้อีกสักหน่อย แต่จะเหมือนใครน้องพิงค์ก็ไม่เดือดร้อน เพราะน้องพิงค์รักพ่อกับแม่มากที่สุดในโลกอยู่แล้ว และพ่อกับแม่ก็ต้องรักน้องพิงค์มากกว่าใคร (รับรองว่าไม่มีน้องตัวเล็กมาแบ่งความรักไปได้ เพราะแม่บอกว่ามีน้องพิงค์คนเดียวก็พอแล้ว ...ความลับ ๆ แม่กลัวโดนฉีดยากันแท้งทุกอาทิตย์นั่นเอง และกลัวโดนเจาะน้ำคร่ำด้วย)

ตอนเย็น ๆ ป้าอ๋อยจะพาน้องพิงค์ลงไปเดินเล่น ไปดูพี่ๆ เขาเล่นกัน น้องพิงค์ก็เลยร่วมแจมกับเขาด้วย แม้จะเล่นไม่เป็น แต่ก็ชอบดูเขาเล่นนะ
หมวกใบใหม่ของน้องพิงค์ค่ะ สีชมพูหวานเชียว แม่ซื้อให้ใหม่ 3 ใบ มีสีชมพู ฟ้าและแดง หลวมเล็กน้อย แม่บอกว่าซื้อเผื่อไว้ จะได้คุ้มค่าใช้ได้นาน ใส่หมวกอย่างนี้แล้วก็พร้อมจะลงไปเดินเล่นแล้วล่ะค่ะ



โครงการปิ๊กบ้านของน้องพิงค์

น้องพิงค์ได้ยินพ่อกับแม่และป้าอ๋อยคุยกันว่า ช่วงวันหยุด 4 วัน เข้าพรรษา 28 - 31 กรกฎาคม นี้ จะกลับเชียงใหม่ และจะให้น้องพิงค์พักอยู่กับยายให้หายคิดถึง 10 กว่าวัน แล้วพ่อกับแม่จะขึ้นไปรับ ป้าอ๋อยดีใจมากกว่าใคร เพราะคิดถึงพี่อาร์ต พี่แอน แต่คงไม่มากไปกว่ายายที่รอให้น้องพิงค์ไปอยู่ด้วย แม้ว่าจะแค่ไม่กี่วัน แต่ยายก็เตรียมตัวต้อนรับหลานตัวน้อยเต็มที่ (รับรองโกลาหลแน่นอน)
ในวัยแปดเดือนน้องพิงค์ได้ลิ้มรสอาหารหลากหลายขึ้น แม่ทำแกงจืดเต้าหู้ตำลึงหมูสับให้กิน อร่อยมากค่ะ น้องพิงค์ชอบกินเต้าหู้ รสชาติดีทีเดียว อาหารว่างก็มีแอปเปิ้ล สลับกับมะละกอ ส่วนน้ำส้มดื่มทุกวันอยู่แล้ว ถ้ากลับบ้านป้าอ๋อยอาจจะมีตับให้น้องพิงค์ได้ลิ้มลองอีกบ้างก็ได้ เพราะไม่ได้กินนานแล้ว ตอนแรกๆน้องพิงค์ไม่ค่อยชอบ แม่เลยให้งดไปก่อน ส่วนปลาได้กินบ่อยเหมือนกัน แม่ซื้อปลาเผาจากร้านอาหารใกล้ๆบ้านมาแบ่งให้น้องพิงค์กินครึ่งตัว ที่เหลือ ผู้ใหญ่ 3 คน จัดการโลด
น้องพิงค์ไม่ใช่เด็กทารกที่วันๆ เอาแต่นอนถีบขาไปมาเหมือนเดิมแล้วนะคะ แต่เป็นเด็กน้อยช่างสังเกตและอยากเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เป็นตัวป่วนประจำบ้านแทนพี่บุ๊ค พี่บูมไปแล้ว ยิ่งกลับบ้านคราวนี้ กำลังหัดตั้งไข่ ยายกับป้าแอหมดแรงแน่ๆ

เดินเล่นรับอากาศสดชื่น

เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสมากค่ะ น้องพิงค์ตื่นแต่เช้าและอารมณ์ดีมาก ๆ เพราะเมื่อคืนนอนหลับตั้งแต่หัวค่ำ ดึก ๆ ก็กินนมไป 2 รอบ จริงๆ แล้วแม่ไม่อยากให้น้องพิงค์ตื่นตอนดึก ๆ อยากให้หลับสนิทตั้งแต่ค่ำจนเช้า แต่ท้องมันร้องนี่คะ ทำไงได้
ภาพนี้ แม่ตั้งชื่อว่า "น้องโยดา" เพราะน้องพิงค์แอ็คท่าเหมือนท่านอาจารย์ของเจได ในหนังเรื่อง "สตาร์วอล" ว่าแต่ เหมือนจริงอ่ะ...???
ยิ้มพิมพ์ใจของน้องพิงค์ รูปนี้ต้องขยายยยยย....

พ่ออุ้มน้องพิงค์ทีไร เป็นต้องใจอ่อน ยอมให้นั่งรถเล่นทู้กที
ชอบใจจังค่ะ ได้นั่งรถเล่น แม้ว่าจะต้องลงที่หน้าปากซอยก็ตามที ดีกว่าต้องเดินเองเนอะ ป้าอ๋อย...

โปรแกรมเมอร์ที่อายุน้อยที่สุดในโลก

น้องพิงค์กำลังแย่งพ่อเล่นเกม เกมนี้พ่อเพิ่งซื้อที่เดอะมอลล์มาเมื่อวันพฤหัสบดีก่อนขึ้นไปรับน้องพิงค์นี้เอง สด ๆ ร้อน ๆ พ่อกับน้องพิงค์เลยยึดเครื่องคอมฯ ทั้งวันเลยค่ะ (พ่อเล่นทั้งวันทั้งคืนไม่ยอมให้แม่เล่นเลย)
น้องพิงค์ฝึกกดแป้นพิมพ์เองแล้วน๊า...
วันเดินทางกลับกรุงเทพฯ เราแวะพักกินข้าวที่ปั๊มปตท. น้องพิงค์กำลังเอร็ดอร่อยกับข้าวสำเร็จรูปที่แม่ไม่ค่อยอยากให้กินบ่อยนัก น้องพิงค์เองก็ชอบกินข้าวที่ป้าอ๋อยทำให้กินมากกว่า แต่บางครั้งอาหารพวกนี้ก็สะดวกดีกับการเดินทางไกลนะคะ

กลับเชียงใหม่อีกแล้วค่า

วันจันทร์ก่อนที่พ่อกับแม่จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ (ช่วงที่รอพ่อกำลังอัพเดทคอมพิวเตอร์) น้องพิงค์ที่กำลังงัวเงียตื่นนอนใหม่ ๆ ก็โดนจับให้โพสต์ท่าถ่ายรูปอีกแล้ว คราวนี้ตากล้องไม่ยอมน้อยหน้า ขอโพสต์ท่าก่อนใครค่ะ

สองพ่อลูกกับรอยยิ้มที่มีให้เหลือเฟือ เย้..เย้... (ดีใจนึกว่าจะได้กลับกรุงเทพฯด้วย ฮือ..ฮือ..)



หนุ่ม ๆ พี่ชายสุดเท่ห์ของน้องพิงค์เองค่ะ พี่บาส พี่ดนย์ พี่บุ๊ค และพี่บูม
พ่อซื้อรถพยุงตัวให้น้องพิงค์นั่งเล่นอีกแล้ว รถนี้ไม่ใช่รถช่วยในการหัดเดินและต้องมีผู้ใหญ่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด พ่อไปเจอที่โลตัส เห็นว่าเข้าท่าดี น้องพิงค์จะได้ไม่เกาะติดแจอยู่กับผู้ใหญ่มากเกินไปด้วย เฮ้อ...น้องพิงค์เลยอดอ้อนใครต่อใครเลยเชียว

เบ็ดเตล็ดของน้องพิงค์

ต้นเดือนมีนาคม น้องพิงค์กลับบ้านที่เชียงใหม่ ไปส่งยายกลับบ้านค่ะ อากาศกำลังสบาย ๆ ก็เลยร่าเริงอย่างที่เห็น


เสื้อกันหนาวตัวเก่งของน้องพิงค์ตัวนี้ใส่ตอนอายุได้ 1 - 2 เดือน เพราะพออายุเกือบ 3 เดือน น้องพิงค์ก็ต้องมาอยู่กรุงเทพฯกับพ่อแม่ เลยไม่ต้องใส่เสื้อกันหนาวอีก กรุงเทพฯ อากาศค่อนข้างร้อน ไม่เย็นสบายเหมือนเชียงใหม่ แม่เลยต้องหาซื้อเสื้อผ้าบาง ๆ ให้น้องพิงค์ใส่ พอกลับบ้านหนนี้ ก็เลยได้มีโอกาสใส่เสื้อกันหนาวอีกครั้ง ไม่งั้นถ้ารอตอนหน้าหนาวปีนี้ น้องพิงค์คงจะใส่ไม่ได้แล้ว



วัยซนวัยสนุกสนาน


เวลาที่ไปซื้อกับข้าวที่ร้านใกล้บ้านพวกเราจะยกโขยงกันไปหมดเลย เด็กเล็กเด็กน้อยไปกันหมด เพราะจะได้ไปนั่งเล่นของเล่นกันสนุกสนาน
3 หนุ่มเล่นซนจนเหนื่อยเลยมานั่งรอกับข้าวที่โต๊ะ ตั้งแต่แม่คลอดน้องพิงค์ เวลามาอยู่บ้านที่เชียงใหม่ เราไม่เคยออกไปกินข้าวนอกบ้านกันเลย ต้องไปซื้อกลับมากินที่บ้าน เพราะน้องพิงค์ยังเล็กอยู่ เข้าไปเดินห้างในเมืองไม่ไหว คนเยอะ ยกเว้นตอนอยู่กรุงเทพฯ พอน้องพิงค์อายุห้าเดือนกว่าๆ พ่อกับแม่เริ่มพาน้องพิงค์ไปซื้อของที่เดอะมอลล์ ซึ่งมีอาหารน่ารับประทานหลายอย่าง ไม่เหมือนเซ็นทรัลหรือโลตัส เสียดายจังที่เชียงใหม่ไม่มีห้างเดอะมอลล์




น้องพิงค์ไม่ยอมน้อยหน้าสามหนุ่มสามมุมหรอกค่ะ เขาเล่นได้ น้องพิงค์ก็เล่นได้ หนุกดี ไว้น้องพิงค์โตกว่านี้จะเป็นหัวโจกสามหนุ่มเอง ดีไหมคะ? สงสัยพ่อไม่ปลื้มแน่ ๆ คงไม่อยากให้ลูกสาวเป็นลิงทะโมน อิอิ...

ยิ้มสวยโชว์ฟันขาว น้องพิงค์กำลังบริหารเหงือกกับฟันอยู่ค่ะ

แม่ปลี้มมากที่หาเสื้อคอกระเช้าให้น้องพิงค์ใส่ได้ พอดีพ่อซื้อหมวกใบใหม่มาให้ ก็เลยทดลองสวมดู ไม่ค่อยเข้ากันหรอกนะคะ แต่คนมันน่าร้ากกก....ใส่ยังไงก็ดูดี ฮ่าฮ่า... มีเรื่องขำ ๆ มาเม้าท์ค่ะ พ่อซื้อหมวกให้ หลวมโพรกเลย แม่ยิ่งแย่กว่า ซื้อให้ 3 ใบ หลวมยิ่งกว่าที่พ่อซื้อมาให้ซะอีก น่าอาย น่าอาย ใส่แล้วน้องพิงค์เป็นตัวโจ๊กประจำบ้านเลย

น้องพิงค์กับพ่อ

วันเดินทางกลับไปเชียงใหม่ ช่วงพักกินข้าวที่ร้านเนตรสว่างในปั๊มบางจากแถวๆ กำแพงเพชร น้องพิงค์นั่งตักพ่อไม่ยอมนั่งกับแม่ ก็พ่อคุยสนุกนี่นา น้องพิงค์ชอบฟังพ่อเล่าเรื่องสารพัดเลย สนุกดี และที่สำคัญ พ่องานเยอะไม่ค่อยได้มีเวลาเล่นกับน้องพิงค์ ส่วนแม่ของตายค่ะ อิอิ...

ลูกสาวใครน้อ...ขี้อ้อนจังเลย
หนังสือกับน้องพิงค์เป็นของคู่กัน ยามว่างพ่อกับแม่จะอ่านนิทานให้ฟัง เล่มนี้พ่อซื้อให้น้องพิงค์ตอนไปเชียงใหม่ มีภาพนูนให้จับด้วย พ่อบอกว่าเพื่อการเรียนรู้เรื่องการสัมผัสของลูก ถึงแพงไปนิ๊ดดด...ก็ยอม